ด็อกเตอร์สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี คุณลวี่ มังสวิรัติี้ยน เอกอัครราชทูตจีนประจำไทย และไม่ห่าง็ค หม่า ประธานกรรมการจัดการกลุ่มอาลีบาบา เช่นกันรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของแหลมทอง รวมครอบครองสักขีพยานที่การลงชื่อรายงานความตระหนักระหว่างหน่วยงานภาครัฐบาลต่าง ๆ สรรพสิ่งไทยกับหุ้นส่วนในเครืออาลีบาบาพวก เพื่อจะจรรโลงการลงทุนในพื้นที่แคว้นเศรษฐกิจเยี่ยมท้องถิ่นตะวันออก (EEC) ด้วยกันขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลสิ่งของประเทศไทยภายใต้ที่มีความสำคัญในการรบไทย 4.0 เพราะมีการช่วยกันในหลากหลายมิติ เช่น การส่งเสริม SMEs ทุกระดับไปสู่ E-Commerce การพัฒนาสรรพสิ่งตัวนำหรือ Talents สิ่งของแหลมทองในที่ปีกดิจิทัล การยกสถานภาพระเบียบ Logistics เพราะว่าสิงเทคโนโลยีชั้นนำของอาลีบาบา และการจรรโลงการเดินทางผ่านระเบียบดิจิทัล เช่นนี้ รัฐบาลประเทศไทยจัดโชว์จุดมุ่งหมายที่จะรวมหัวกับดักอาลีบาบาเพราะทำหนังสือจัดโชว์ความจงใจสมรู้ร่วมคิดเป็นครั้งแรก ในที่พรรษา พ.ศ. 2559 กับพิธีการที่วันนี้เกิดผลสืบเนื่องขนมจากงานข่าวความร่วมมือดังที่กล่าวมาแล้วที่ชี้ให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องที่สะอาดและการช่วยกันอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดผลงานที่ดำรงฐานะรูปธรรมระหว่างองค์การภาครัฐบาลสรรพสิ่งไทยด้วยกันหุ้นส่วนในเครืออาลีบาบากลุ่มแห่งประกอบด้วยเป้าหมายรวมหัวในที่การพัฒนาอำนาจสรรพสิ่งผู้ประกอบการไทย และส่งเสริมแบ่งออกสมรรถเข้าถึงตลาดนวชาตในยกพื้นพื้นแผ่นดินเปลี่ยนของใหม่ข้างดิจิทัลต่าง ๆ ได้มา ดร.สาสมไตร่ตรอง เปิดเผยดุ “อาลีบาบาคว้ากระทำการเรียนรู้ข่าวอุปมัยที่ระดับถิ่นกับตกลงใจที่จะให้ทุนสร้างดิจิทัลฮับ (Smart Digital Hub) ในเนื้อที่แคว้นเศรษฐกิจท้องถิ่นบรรพ์ไม่ก็อีอีซี เนื่องจากประกอบด้วยความแน่ใจที่หลักไทย 4.0 ด้วยกันอนาคตสถานที่สดใสของเศรษฐกิจไทย เพราะว่าดิจิทัลฮับที่จะก่อสร้างขึ้นตรงนี้ ถือเอาดำรงฐานะกลไกสำคัญที่จะสนับสนุนเชื่อมโยง SMEs แหลมทองที่ทั้งหมดระดับ ทั้งหมดท้องถิ่น หมายรวมกลุ่ม OTOP ด้วยกันหมวดชาวไร่ชาวนาทั่วราชอาณาจักร จ่ายสามารถเข้าถึงตลาดจีนด้วยกันตลาดโลก ความร่วมแรงร่วมใจกับดักอาลีบาบาเค้าเดิมขึ้นไปในวันนี้ เป็นความสมคบคิดริมยุทธศาสตร์ที่จะอำนวยประโยชน์ทาบ SMEs และเกษตรกรสิ่งของแหลมทอง ซึ่งจักคลายจากไปอีกทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ในเวลาเดียวกันยังจะเป็นพลังอำนาจทำให้ดีขึ้นขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลสรรพสิ่งไทยอีกด้วย” ด้าน ไม่คลาด็ค หม่า ประธานกรรมการจัดการกับผู้สร้างหมวดอาลีบาบา กล่าวว่า “เมืองจีนกำลังสาวเท้าขึ้นไปสู่การครอบครองท้องตลาดลูกค้าสถานที่ประกอบด้วยขนาดใหญ่ที่สุดสิ่งของพื้นแผ่นดิน อีกด้วยการขยายตัวของกำลังซื้อสรรพสิ่งคนระดับกลางๆแห่งประกอบด้วยจำนวนมากกระทั่ง 300 โล้นวงในยุคปัจจุบัน ประกอบกับแผนการดึงขึ้นการขายอิสระของจีน คงอยู่ไม่มีเวลาสถานที่เป็นต่อนี้อีกแล้ว แห่งประเทศแตกต่าง ๆ จักชดใช้โอกาสอันควรตรงนี้ที่งานส่งของไปอีกต่างหากท้องตลาดจีน ที่สำคัญคือผลิตผลทางการนาสรรพสิ่งแหลมทอง ไม่ว่าจะดำรงฐานะข้าวหอมมะลิ ทุเรียน หรือไม่ก็ส้มสุกลูกไม้ต่าง ๆ ตลอดดำรงฐานะผลิตภัณฑ์ที่คนจีนเบิกบานพอใจ” ดังนี้ ไม่ห่าง็ค หม่า อีกทั้งกล่าวประกบเพราะ “พร้อมด้วยจุดเด่นในข้อความหมู่ชนกับวัฒนธรรมของแหลมทอง กอปรกับแผนการแหลมทอง 4.0 ทำให้ฉันสำคัญใจภายภาคหน้ากับศักยภาพงานเติบโตสิ่งของประเทศไทย ดังนี้ พวกอาลีบาบารับรองที่จะดำรงฐานะผู้ส่งเสริมในที่ระยะยาวกับประเทศไทยในการขับเคลื่อนแหลมทองสู่โลกดิจิทัล” ทั้งนี้ ความร่วมมือที่โครงการเสาที่จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดิจิทัลกับงานชดใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อจะสงเคราะห์ที่มีความสำคัญในการรบประเทศไทย 4.0 ประกอบด้วย แผนการตั้งขึ้นศูนย์กลาง Smart Digital Hub ในที่ เนื้อที่อีอีซีเพื่อส่งเสริมการขายกับเมืองจีนกับหมวด CLMV แผนลงทุนตั้งขึ้นศูนย์ Smart Digital Hub ในพื้นที่ EEC ตรงนี้จะอาศัยเทคโนโลยียิ่งใหญ่สิ่งของอาลีบาบาที่ปีกการประมวลข้อมูลโลจิสติกส์ ผ่าน ทะลวง่โน้ม (Cainiao Network) ซึ่งดำรงฐานะงานด้านโลจิสติกส์ของอาลีบาบา เพื่อที่จะทำเอาการติดต่อผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศไทยกับจีน การขนส่งสินค้าข้ามแดนสู่แดนเพื่อนบ้าน (CLMV) ด้วยกันจากไปอีกต่างหากที่อื่นทั่วโลก ประกอบด้วยความว่องและมีประสิทธิภาพเลิศ ยิ่งไปกว่านี้ อีกต่างหากได้มามีงานประสานมือกับดักกรมศุลกากรในงานยกระดับพิธีการมุขศุลกากรแบ่งออกเป็นระบบดิจิทัลเช่นกัน ซึ่งงานตั้งศูนย์กลาง Smart Digital Hub นี้ จักเป็นศูนย์กลางที่งานเดินกิจกรรมการศึกษาค้นคว้าปฏิรูปดิจิทัล ซึ่งที่ทำการ EEC จักเชื่อมประสาน Smart Digital Hub กับดัก แคว้นสิ่งใหม่ดิจิทัล ไม่ก็ดิจิทัลพาร์ค (EECd) และแคว้นของใหม่ระเบียงเศรษฐกิจท้องถิ่นตะวันออก (EECi) พร้อมด้วย ดังนี้ คาดว่าจะสามารถทำพิธีแหมะศิลาฤกษ์ในงานสร้าง Smart Digital Hub ได้มาในพรรษา พุทธศักราช 2561 และกะว่าจะเริ่มถกลงมือในที่พรรษา พุทธศก 2562 ถัดจาก โครงการร่วมส่งเสริมปรับปรุงทักษะด้าน Digital E-Commerce เพราะด้วยผู้ประกอบการ ธุรกิจขนาดย่อม ประเทศไทย อาลีบาบาได้มากล่าวแบ่งออกวิทยาลัยการทำงานอาลีบาบา หรือไม่ก็ Alibaba Business School (ABS) ซึ่งเป็นสถาบันปรับปรุงบุคลากรสรรพสิ่งอาลีบาบา ที่ตั้งสิงสู่สถานที่นครปลายโจว สมคบคิดกับกสอ. อก ด้วยกันกรมจรรโลงการค้าระหว่างประเทศ พณ ในการพัฒนาสมรรถนะข้างดิจิทัลกับอีคอมเมิร์ซของ SMEs ไทยทั้งหมดกลุ่มทั่วราชอาณาจักร รวมทั้ง SMEs ในชุมชนอาณาเขต กับผู้ประกอบการรายย่อย เพราะเน้นย้ำจ่ายผู้ผลิตประกอบด้วยความประจักษ์แจ้ง ได้ทำความเข้าใจกับเสริมความชำนาญงานใช้คืนเทคโนโลยีประเทศไทยจ่ายสมรรถเริ่มแรกกิจธุระออนไลน์ และเข้าถึงตลาดเมืองจีนที่ประกอบด้วยลูกค้าอยู่ไม่น้อยกระทั่ง 500 ล้านมนุษย์ รวมถึงท้องตลาดที่ภาคและตลาดสากลได้มาตามลำดับ (Regional and Global Value Chain) เพราะว่าอาลีบาบาจักแก่ทีมงานร่วมลงพื้นสถานที่กับทีมงานสิ่งของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยสิงวงจรข่าย ศูนย์ปรับปรุงอุตสาหกรรม 4.0 (ITC) ในชั้นอาณาเขตด้วยกันจังหวัดสิ่งของอก รวมทั้งหน่วยงานถิ่นของกระทรวงพาณิชย์ทั่วราชอาณาจักร แผนการอบรมบ่มนิสัยเจริญตัวเด่นข้างดิจิทัล (Digital Talent) ยิ่งไปกว่านั้นการจรรโลงงาน SMEs เปลี่ยนE-Commerce หลังจากนั้น Alibaba Business School ยังจักรวมหัวกับดัก กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ด้วยกันกรมส่งเสริมการค้าขายระหว่างชาติ ที่การพัฒนามวลชนเก่งหรือตัวเอกปีกดิจิทัล (Digital Talent) ในประเทศประเทศไทย ซึ่งถ้วนทั่วสาระหลายหลักสูตร เพราะว่าให้โอกาส จ่ายนิสิต นักค้นคว้า อาจารย์ รวมทั้งบุคลากรภาครัฐจากไปร่วมเข้าไปโครงการฝึกหัดปฏิรูปที่ปีกดิจิทัลและอีคอมเไม่ร์ซแยกออกประกอบด้วยความประจักษ์แจ้งอย่างลึกซึ้ง รวมถึงก่อสร้างเครือข่าย (Networking) กับตัวเอกหรือไม่ก็ Talents ทั่วโลกสถานที่จีน การเริ่ม Thai Rice Flagship Store บนเว็บไซต์ Tmallมันสมองcom ภายในการทำงาน กระทรวงพาณิชย์ด้วยกันอาลีบาบาอีกต่างหากได้รวมหัวเปิดตัว Thai Rice Flagship Store บนบานศาลกล่าวเว็บไซต์ Tmallมันสมองcom ซึ่งเป็นเว็บจำหน่ายออนไลน์ยิ่งใหญ่ที่เน้นร้านค้าแบรนด์ชั้นยอดหรือร้านค้าแม่สื่อแม่ชักที่มีความน่าไว้วางใจ ซึ่งจักสนับสนุนส่งเสริมยอดจำหน่ายผลิตผลทางราชการที่ดินเริ่มต้นขนมจากอาหาร กับขยายผลไปจรดผลไม้ต่าง ๆ สรรพสิ่งแหลมทอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุเรียน ซึ่งเป็นที่นิยมที่หมวดคนจีนครอบครองสุดกำลัง กระทรวงพาณิชย์กับอาลีบาบาจะรวมหัวผลักดันการส่งออกอาหารไทยด้วยกันผลิตภัณฑ์ทางราชการที่ดินสรรพสิ่งประเทศไทย เพราะว่าอาศัยข้อมูลริมลึกหรือไม่ก็ Insight ในความตลาดลูกค้าที่อาลีบาบามีกรณีเชี่ยวชาญ แผนการการช่วยกันปีกการส่งเสริมการเดินทางดิจิทัล การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จักรวมหัวกับอาลีบาบาและฟลิโคนี้ (Fliggy) กองกลางข้างการเดินทางออนไลน์ชั้นยอดของประเทศจีน ที่งานจรรโลงการสัญจรดิจิทัลกับผู้ประกอบการการสัญจรรายย่อยในประเทศไทย เพราะว่า Fliggy หญิบร่วมลงชื่อกับดัก ททท. จะใช้ความชำนาญและเทคโนโลยีสถานที่ฉลาดทำ Thailand Tourism Platform แบ่งออกกับสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศแหลมทอง ซึ่งสำเร็จการบอกกล่าวและอำนวยความสะดวกในที่ปีกการท่องเที่ยวแตกต่าง ๆ เป็นต้นว่า หนังสือแนะนำไกด์ออนไลน์ หมู่กำจัดตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งสองฝ่ายจะรวมหัวกักคุมในที่การแปลงแหล่งท่องเที่ยวสถานที่น่าดึงดูดซึ่งเสมอเหมือนเพชรพลอยสถานที่ถูกซ่อนแยกออกฉายแสงประกายเตะตาคนเดินทางคนจีน ทั้งนี้ Fliggy กับ Ant Financial ซึ่งดำรงฐานะบริษัทสถานที่กระทำหมู่ขำระเงินตรา Alipay ในเครือสิ่งของอาลีบาบาอยู่ในระหว่างงานพูดจากับหน่วยงานต่าง ๆ สถานที่ข้องแวะสิ่งของรัฐบาล เพื่อที่จะส่งเสริมแยกออกก่อกำเนิดความเปลี่ยนแปลงมุขปีกดิจิทัลต้นฉบับครบวงจรทาบการสัญจรของแหลมทอง ริเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนมุขวีซ่า บริการหลังโคจรต้นฉบับดิจิทัล เช่นกันการคืนเงินตราภาษีนักเที่ยวผ่านหมู่ Alipay ซึ่งการช่วยกันห้ามในข้างการท่องเที่ยวนี้ คาดตวาดจะเอาใจช่วยเย้ายวนใจนักเที่ยวชาวจีน ด้วยกันยังสนับสนุนเพิ่มขึ้นรายได้ขนมจากการสัญจรสรรพสิ่งไทยได้มากยิ่งขึ้น NewsAlibabaThailandอาลีบาบาไม่คลาด็ค หมักGovernmentPartnershipalibaba group
https://storage.googleapis.com/techsauce-prod/uploads/2019/08/18-Knowledge-Station-1024×681.jpg