ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวนผู้ตีทะเบียนงานใช้คืนโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ 854 โล้นหมายเลข ซึ่งยิ่งกว่าจำนวนราษฎรทั้งสิ้นจับกลุ่มด้วย อันนี้พลังบ่งเรื่องตวาด การงานทุกสิ่งน่าจะประกอบด้วยแอปพลิเคชันบนบานศาลกล่าวที่ถือดำรงฐานะของร่างกายใช่หรือไม่? คำเฉลยคือว่า ไม่จำเป็นเป็นนิตย์ แต่ว่าโทรศัพท์มือถือจักเข้าไปอยู่แห่งชีวิตประจำวันสิ่งของทุกคน แม้ว่าแอปพลิเคชันบนบานมือถือนั้น เหมาะสำหรับธุรกิจใสพวกแค่นั้น เป็นต้นว่า การงานสมัยนิยม งานเครื่องใช้ไฟฟ้า ด้วยเหตุที่ธุรกิจกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะถูกค้นเจอด้วยกันผู้บริโภคมีความถี่ที่จะใช้สอยกับของซื้อของขายในพวกตรงนี้สูง ทัศนียภาพขนมจาก Deloitte แอปพลิเคชันมือถืออีกต่างหากไม่ผิดใช้ประโยชน์ในแวดวงการตลาดอีกด้วย อาทิ การส่งการรุ่งเช้าสั่งสอน (Push Notification) เป็นต้นว่า สมมติว่าธุรกิจแห่งกล้าร้านค้าต้องการจับกลุ่มผู้ที่ยกขึ้นฟังก์ชันแสดงเกณฑ์กำหนดพื้นที่ (Location Finder) บนบานศาลกล่าวมือถือ ก็สามารถส่งส่วนลดเพื่อสาขาแหล่งที่อยู่จวนเจียนเต็มที่เจียรแยกออก เพื่อที่จะเพิ่มจำนวนผู้เข้าไปร้านรวงสรรพสิ่งตนคว้า กับถ้างานของเจ้าเอ็งสมรรถชดใช้แอปพลิเคชันที่ถือแจกเป็นคุณคว้า ข้างล่างนี้ดำรงฐานะข่าวสารแห่งหนน่าจะประสีประสา ก่อนที่จะตกลงใจก่อสร้างแอปพลิเคชันของเธอขึ้นไปลงมา แอปพลิเคชันต้นร่าง Native ไม่ก็ Hybrid เป็นต่อกัน ? หลังจากนั้นหลักเขตเลี่ยนไม่เหมือนกันอย่างไร? แอปพลิเคชันฉบับร่าง Native นั้น จำเป็นต้องเจริญขึ้นมาเฉพาะ เพราะว่าสร้างขึ้นมาห่างเหระหว่างระบบปฏิบัติการ iOS กับ Android แต่ว่าแอปพลิเคชันภาพร่าง Hybrid ครอบครองการพัฒนาขึ้นไปมาแห่งริมที่ทำให้สมรรถดำเนินการคว้าทั่วบนเครื่องแห่งหนใช้คืน iOS กับ Android การที่จะเลือกคัดตวาดจะใช้คืนแอปพลิเคชันต้นร่างไรเป็นชิ้นประธานสุดกำลังเพราะด้วยผลการดำเนินงานสิ่งของธุรกิจ กับขึ้นกับจุดประสงค์ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งในเรื่องตรงนี้ eIQ ได้สังสนทนากับดักเธอ Mandy Arbilo Regional Project Manager แห่ง aCommerce ซึ่งเป็นบริษัทยอดเยี่ยมสรรพสิ่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการให้บริการเกี่ยวกับงานอีคอมเมิร์ซ เพื่อจะไต่ถามเกี่ยวกับฟีประสบร์ด้วยกันข้อแตกต่างเสาๆ สรรพสิ่งแอปพลิเคชันต้นร่าง Native และ Hybrid แอปพลิเคชันต้นร่าง Native กาลเวลาแห่งใช้คืนแห่งการพัฒนา : 3 – 4 จันทราทาบแพลตฟอร์ม (iOS ไม่ก็ Android) ค่าใช้จ่ายแห่งการพัฒนา : 30,000 – 35,000 ดอลลาร์ดามแอปพลิเคชัน เหมาะกับ : ผู้แห่งประกอบด้วยความต้องการที่จะใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่นๆ เช่น Google Maps รวมทั้งแพลตแบบฟอร์มด้วยงานจับจ่ายสินทรัพย์อย่าง Samsung Pay, Android Pay หรือ Apple Pay นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับงานแห่งหนเรียกร้องชดใช้ฟังก์ชันอื่นๆ ประการงานแสวงที่รองรับร้านค้า การแนะแนวทาง ดังที่แอปพลิเคชันต้นร่าง Native จักสามารถปฏิบัติการคว้าแม่นตรงและมั่นคงกว่าแห่งธุรกิจร่วมกับแอปพลิเคชันภายนอกอื่นๆ ชิ้นแห่งควรจะเข้าใจ : ใสแบรนด์เลือกเฟ้นที่จะสร้างแอปพลิเคชันเพื่อ iOS ก่อนกำหนดเพื่อจะจับกลุ่มผู้ใช้งาน Apple ซึ่งมีกำลังซื้อยิ่งกว่า เพราะว่ามนุษย์หมู่ดังกล่าวมักจะใช้สอยบนบานแอปพลิเคชันยิ่งกว่าผู้ใช้งาน Android จรด 2.5 เท่ากัน แต่ว่าถ้าแบรนด์เรียกร้องจะรวมกลุ่มผู้บริโภคแห่งหนกว้างไกลกว่า การพัฒนาแอปพลิเคชันด้วย Android จักครอบครองโอกาสแห่งหนเหนือชั้นกว่าเพราะด้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทิวภาพจาก Deloitte ข้อดีสรรพสิ่งแอปพลิเคชันภาพร่าง Native คล่องแคล่วกับสนองตอบได้ดิบได้ดีกว่า ลูกค้ารู้ตวาดน่าไว้วางใจกระทั่งแอปพลิเคชันต้นร่าง Hybrid สมรรถส่งการรุ่งเช้าเตือนเพื่อต้องการการฝักใฝ่จากผู้ใช้งานแจกยกขึ้นใช้แอปพลิเคชันได้มา มีฟีพบร์โปร่งแสงชนิดด้วยกันประสบการณ์ที่แอปพลิเคชันฉบับร่าง Hybrid เปล่าสามารถลอกเลียนคว้า ดำเนินการร่วมกับชิ้นส่วนอื่นๆ ได้ดิบได้ดีกระทั่ง จึงสามารถจับฟังก์ชันต่างๆ สรรพสิ่งร่างกายเครื่องลงมาใช้ได้ เป็นต้นว่า กล้อง ไมโครโฟน หรือว่าฟังก์ชันงานดีด(swipe) แอปพลิเคชันภาพร่าง Native ทำร่วมกับฟีประสบร์ต่างๆ แห่งเนื้อตัวสิ่ง เหตุฉะนี้มันจึ่งปฏิบัติการได้สะดวกกระทั่ง และปฏิบัติการเจริญกระทั่ง ข้อเสียเปรียบสิ่งของแอปพลิเคชันต้นร่าง Native ต้องชดใช้ Developer เจาะจงในการเขียนโค้ดของแต่ละเรือแพลตแบบฟอร์ม ด้วยเหตุที่แอปพลิเคชันที่สร้างขึ้นไปลงมาเพื่อที่จะระบบปฏิบัติการเอ็ดจะไม่สามารถทำบนบานระบบปฏิบัติการอื่นได้ มีคุณค่าจับจ่ายใช้สอยแห่งหนแพงกว่า ดังที่แบรนด์จำเป็นจะต้องก่อสร้าง 2 แอปพลิเคชันเพื่อระบบปฏิบัติการแห่งแตกต่าง กับโสหุ้ยณการปกครองก็รุ่งเรืองด้วย เจ้าตำรับแอปพลิเคชันจำเป็นต้องส่งแอปพลิเคชันเจียรแยกออก App Store ไม่ก็ Google Play Store สำรวจก่อนกำหนดยกขึ้นแยกออกดาวน์โหลด ต้นแบบของแอปพลิเคชันภาพร่าง Native Pokemon Go – แอปพลิเคชันสิ้นสุดบนบานโทรศัพท์มือถือ Season – ซาตาน์เกเรตเพลสออนไลน์สิ่งของไทยที่เปิดให้บริการผ่านมือสรุปเพียงนั้น Pomelo – แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น แอปพลิเคชันภาพร่าง Hybrid กาลเวลาแห่งหนใช้ในการพัฒนา : 3 จันทรา โสหุ้ยณการพัฒนา : 30,000 ดอลลาร์ประกบแอปพลิเคชัน เหมาะสำหรับ : ผู้แห่งกำลังวังชาสอดส่ายตัวเลือกแห่งหนมีค่าคืนดีกว่าเพื่อที่จะเริ่มต้นธุรกิจและประสงค์สร้างแอปพลิเคชันพอให้ผู้บริโภคได้ชดใช้แจ้นตกขอบ แอปพลิเคชันฉบับร่าง Hybrid นั้น สำเร็จสร้างแอปพลิเคชันที่ชดใช้ทรัพย์สินตกต่ำเต็มที่และมีคดีเท่าทุนมากกว่าเพราะด้วยแบรนด์ที่ประสงค์จักจับตัวทั่วกลุ่มผู้แห่งใช้งาน iOS และ Android เสียแต่ว่าอีกต่างหากประกอบด้วยงบประมาณไม่จังครั้น ชิ้นแห่งหนควรจะเข้าใจ : วิธีแห่งหนดีงามสุดขอบที่จะอธิบายเกี่ยวข้องแอปพลิเคชันฉบับร่าง Hybrid ก็คือว่ามันเป็นแอปพลิเคชันพันธุ์ผสมระหว่างแอปพลิเคชันต้นร่าง Native กับแอปพลิเคชันบนบานเว็บไซต์ ผู้ใช้งานจักต้องประดิษฐานแอปพลิเคชันต้นร่าง Hybrid ต้นร่างเดียวกันกับดักแห่งประดิษฐานแอปพลิเคชันฉบับร่าง Native แม้ว่าอันที่จริงจากนั้นแอปพลิเคชันต้นร่าง Hybrid นั้น ครอบครองเหมือนกับมัดเชุดชั้นในเซอร์แหล่งชุมนุมห้ามสิงสู่แห่งแอปพลิเคชัน เพราะว่าเธอสมรรถทวีคูณฟังก์ชันใหม่ๆ เข้าไปในแอปพลิเคชันฉบับร่าง Hybrid ได้มาผ่านการจดรหัสเพียงภาษาเดี่ยว ขั้นตอนจึ่งคล้ายกับการสร้างเว็บไซต์ฉบับร่าง responsive แห่งหนเปล่า#สลับซับซ้อนหลาย และความรวดเร็วของแอปพลิเคชันต้นร่าง Hybrid นั้นจะขึ้นอยู่ความเร็วสรรพสิ่งอินเทอร์เน็ตสิ่งของลูกค้า ทั้งๆ ที่ความรวดเร็วของอินเทอร์เน็ตจักส่งผลประกบแอปพลิเคชันฉบับร่าง Native น้อยกว่า ข้อได้เปรียบสรรพสิ่งแอปพลิเคชันฉบับร่าง Hybrid การพัฒนาแอปพลิเคชันต้นร่าง Hybrid มักมีประโยชน์ถูกกว่าแอปพลิเคชันภาพร่าง Native แอปพลิเคชันต้นร่าง Hybrid สมรรถทำให้เรียบให้เข้ากับแพลตแบบฟอร์มอื่นคว้าสะดวกกระทั่ง อาทิ Windows Mobile อดออมสินทรัพย์ด้วยกันทุ่นเวลายิ่งกว่า ตามที่ไม่ต้องการการบำรุงรักษาจังเสมอเหมือนแอปพลิเคชันต้นร่าง Native เสียแต่ว่าความไวสิ่งของแอปพลิเคชันนั้นจักขึ้นอยู่กับความรวดเร็วสิ่งของอินเทอร์เน็ตสรรพสิ่งผู้ใช้งาน ข้อเสียเปรียบสรรพสิ่งแอปพลิเคชันฉบับร่าง Hybrid ประสิทธิภาพคือว่า ข้อเสียสุดขอบสรรพสิ่งแอปพลิเคชันภาพร่าง Hybrid ตามที่แอปพลิเคชันดังนี้จักจำต้องดาวน์โหลดข่าวสารเทียบเท่ากับดักเกางเกงในเซอร์ ซึ่งครอบครองฟังก์ชันที่เรียกแหว WebView ซึ่งก็บ่งเรื่องดุสามารถทำกันได้แค่ดูใบหน้าเว็บไซต์แค่นั้น WebView ด้านแห่งณการละครเค้าหน้าสรรพสิ่งเว็บไซต์ต่างๆ กับอ่าน JavaScript ซึ่ง Google กับ Apple ก็ไม่ไหวถลกแยกออก WebView สามารถดำเนินการคว้าเสมอเหมือนกับเยกทรงเซอร์ด้วยโทรศัพท์มือถือประการ Chrome ไม่ก็ Safari ดังนั้นแอปพลิเคชันต้นร่าง Hybrid แล้วจึงเปล่าสมรรถดำเนินการได้ดิบได้ดีพอๆ กับแอปพลิเคชันฉบับร่าง Native แอปพลิเคชันภาพร่าง Hybrid ต้องทดลองธุรกิจบนบานแพลตฟอร์มปะปนกัน เพื่อให้แน่แก่ใจแหวสมรรถทำได้อย่างถูกต้อง ตามที่มันสมรรถเข้าถึงฟังก์ชันปะปนกัน ของตัวเครื่องได้มาต่ำกว่า ประสบการณ์สิ่งของผู้ใช้งานแอปพลิเคชันต้นร่าง Hybrid อาจจะห่วยกระทั่งตามที่ส่วนประกอบสรรพสิ่งแอปพลิเคชันดังนี้ไม่สามารถปรับแต่งแจกเข้ากับความประพฤติสรรพสิ่งผู้ใช้งาน Apple ไม่ก็ Android โดยเฉพาะได้ Mandy รายงานส่งเสริมดุ “แอปพลิเคชันภาพร่าง Hybrid เปล่าสามารถทำให้เรียบเรียบเรียงเพื่อให้ตรงๆติดตามความต้องการสรรพสิ่งผู้ใช้งานทั้ง 2 ระบบปฏิบัติการได้ เสียแต่ว่าแม้เธอมานะบากบั่นที่จะปรับเรียบเรียงเลี่ยนบ่อยเกิน โหล่หลังจากนั้นเธออาจจะเสียเงินพอกับงานสร้างแอปพลิเคชันฉบับร่าง Native 2 แอปพลิเคชัน” ตัวอย่างสรรพสิ่งแอปพลิเคชันต้นร่าง Hybrid จะอย่างไรก็ตาม ต้นแบบด้านล่างได้บอกให้เห็นหลังจากนั้นแหวแอปพลิเคชันฉบับร่าง Hybrid เอง ก็สมรรถดำเนินการได้ดีเช่นกัน ซึ่งเกิดผลมาจาก HTML5 Evernote Amazon App Store Uber Instagram Uber app สรุปความจากนั้นน่าเลือกภาพร่างไหนงดงามล่ะ? Mandy กล่าวว่า “สมมติว่าเธอประสงค์จักสร้างแอปพลิเคชันเพราะด้วยอีคอมเมิร์ซ หรือใช้งานเรือแพลตฟอร์มแห่งมีคุณภาพ และเธอประกอบด้วยงบประมาณแห่งจังพอ เจ้าเอ็งก็น่าเลือกแอปพลิเคชันต้นร่าง Native ด้วยเหตุที่มีประสิทธิภาพที่เหนือชั้นกว่า สามารถทำกับดักแอปพลิเคชันอื่นๆ ประการ Google Maps ได้ดิบได้ดีกว่า ด้วยกันสมรรถดำเนินการทั้งที่เปล่าอินเทอร์เน็ตได้” และเพื่อมนุชแห่งประกอบด้วยงบดุลที่ต่ำกว่า การสร้างแอปพลิเคชันฉบับร่าง Hybrid ก็รวมตัวกันเลือกเฟ้นแห่งหนดีงาม ถ้าประสงค์จะต่อสู้สมรรถนะสิ่งของแอปพลิเคชันดุมีแนวโน้มแห่งหนเหมาะสมจักนำทรัพยากรต่างๆ มาชดใช้เพื่อที่จะปรับปรุงแอปพลิเคชันภาพร่าง Nativeไหม ชนิดแห่ง Facebook คุ้นชินสร้าง บทความนี้โฆษณาชวนเชื่อทีแรกเป็นภาษาอังกฤษแห่งหนเว็บไซต์ eCommerceIQ Saucy ThoughtsHardwareE-CommerceHybrid AppNative AppeCommerceIQ