‘Startup’ เป็นคำแห่งหนดีฉันได้ข่าวกันอย่างหนาหูในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับดักพวกหุ้นส่วนแห่งก่อตั้งนวชาตเพราะว่ามีงานใช้คืนเทคโนโลยีเข้าไปครอบครองส่วนหนึ่งส่วนใดของผลิตภัณฑ์หรือว่าบริการที่ประกอบด้วยความเก่งกาจณงานก้าวหน้าสูง ครอบครองลักษณะสรรพสิ่งธุรกิจที่ว่ากันตวาดก่อสร้างขึ้นไปเพื่อแก้ปัญหา pain point สรรพสิ่งประชากรณเข้าสังคม กับมั่นเหมาะดุโน่นก็ควรจะเป็นบทบาทสรรพสิ่งเทคโนโลยีที่มีสิทธิ์การพัฒนาขึ้นไปมา นอกจากนี้อีกทั้งประกอบด้วย startup อีกกลุ่มแห่งมุ่งเน้นทำเพื่อสังคมยิ่งกว่าเพื่อที่จะประโยชน์แห่งอิฉันเรียกกันว่า Social Enterprise (SE) หรือกิจการเพื่อเข้าสังคม ซึ่งโดยมากตั้งหน้าขจัดปัญหาสรรพสิ่งผู้คนแห่งบ้านนอกไม่ก็เกษตรกรแตกต่าง ๆ ในอาณาเขตเกษตรกรรม ทว่าภายหลังที่ทีมงานของอิฉันได้มีโอกาสลงพื้นที่ไปตามโปร่งแสงที่สาธารณะในเมืองใหญ่สุรด้วยกันชานเมืองซึ่งไม่ได้ประกอบด้วยวิถีชีวิตฉบับร่างมนุชออฟฟิศแห่งชุมชนเมืองสักเท่าไหร่นัก ก็ก่อกำเนิดกระทู้ถามเล็ก ๆ ขึ้นไปแห่งอารมณ์ทางใจสิ่งของดีฉันดุ จริง ๆ จากนั้นก๊ก starup ด้วยกัน SE นั้นครอบครองเหมือนของฟุ่มเฟือย (luxury goods) ของมนุษย์รากเหง้าหญ้าไหม คนที่หาเช้ากินค่ำตรงนั้นจะสมรรถครอบครองคุณประโยชน์จากงานมีระบบพระราชวังของ startup (startup ecosystem) จริงหรือ? ซึ่งแม่นมั่นดุวิสัชนาก็สามารถทั้งสองมุมไม่ว่าจักใช่หรือเปล่าใช่ รับประโยชน์หรือไม่ได้ประโยชน์ก็ตามที แต่ก่อนแห่งดีฉันจะนำไปสู่คำเฉลยของกระทู้ถามเหล่านั้นแห่งข้อปลีกย่อยเสริม ดีฉันตะขอปริปากเกี่ยวข้องชนิดของสินค้าแตกต่าง ๆ ต้นสักทีละน้อยๆ ซึ่งชนิดที่ดีฉันกำลังกายกล่าวขวัญนี้สำเร็จจำแนกณเชิงเศรษฐวิทยา เช่น ผลิตภัณฑ์ด้อย (inferior goods) หมายถึง สินค้าแห่งหนมนุษย์จะบริโภคน้อยลงครั้นรายได้พอกพูน ระลึกถึงแม่แบบหวานคอแร้ง ๆ ก็อาจจะเป็นประดาพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั้งหลาย หรืออีกประเภทตกว่า ของซื้อของขายปกติ (normal goods) ไม่ก็สินค้าแห่งหนมนุชจักกินเพิ่มพูนเมื่อรายได้จำเริญ แม่แบบคงไว้ประกอบด้วยมากมายอสงไขย กับยังประกอบด้วยสินค้าชนิดอื่น ๆ แห่งทางเศรษฐศาสตร์อีกมากมายประเภทด้วยกัน เสียแต่ว่าประเภทสรรพสิ่งสินค้าแห่งอิฉันกำลังจะกล่าวขวัญตรงนี้ตกว่า สินค้าฟุ่มเฟือย (luxury goods) ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแต่เพียงสรรพสิ่งหรูหราแบรนด์เนมแตกต่าง ๆ อย่างแห่งเข้าใจกักคุมโดยรวมแค่นั้น แต่ว่าคือผลิตภัณฑ์แห่งหนมนุชจำเป็นต้องใช้คืนทรัพย์สินแห่งส่วนสัดที่มาโคนดุเปอร์เซ็นต์งานเพิ่มพูนสรรพสิ่งรายได้เพื่อจะซื้อเพื่อที่จะเป็นเจ้าของนั่นเอง เป็นต้นว่า ค่าตอบแทนรายเดือนของอิฉันคงจะพอกพูน สิบ% เสียแต่ว่าของซื้อของขายแห่งอิฉันซื้อนั้นมีมูลคุณค่าคิดครอบครอง 30% ของเงินรายได้ ซึ่งดำรงฐานะสัดส่วนหัวนอนปลายตีนฐานว่าการมากขึ้นสรรพสิ่งค่าจ้างรายเดือน พูดอีกประการคว้าดุของฟุ่มเฟือยตรงนั้นครอบครองหมู่เอ็ดสรรพสิ่งของซื้อของขายสามัญ เสียแต่ว่าหามิได้ผลิตภัณฑ์ธรรมดาๆทุกชนิดที่ดำรงฐานะของฟุ่มเฟือยได้ ขึ้นอยู่ส่วนสัดงานใช้สอยมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการเพิ่มพูนของเงินรายได้นั่นเอง ตอนนี้ก็กลับมาแห่งหนคำเฉลยสรรพสิ่งคำถามสรรพสิ่งฉันกักคุมซ้ำ ฉันใดจด ‘ได้ผลดี’ เพราะแหล่ startup ด้วยกัน SE นั้นได้มาทำงานดำรงฐานะแพลตฟอร์มหรือว่าดำรงฐานะสถานที่นัดพบสิ่งของพวกคนทำการค้ากับดักคนซื้อ เหล่าผู้ให้บริการกับผู้ใช้บริการ ซึ่งพ่อค้าและผู้ให้บริการยิ่งบนแพลตฟอร์มเหล่านั้นเองก็ครอบครองหมู่ชาวรากเหง้าตฤณชาติผู้มีรายได้โหรง หรือเคยชินมีโอกาสเข้าถึงตลาดน้อยกว่าแห่งหนเป็นอยู่ จึงทูลได้มาจัดการเกิดขึ้นของ startup กับ SE ตรงนั้นก็เทียบเท่าเสร็จมากขึ้นแหล่งรายได้และงานเข้าถึงท้องตลาดปันออกกับดักมนุษย์หมู่ตรงนี้ได้มามากยิ่งขึ้น รวมไปถึงโปร่งแสงการงานเองก็มีงานให้ความรู้หรือว่าจับงานค้นคว้าวิจัยด้วยกันเทคโนโลยีจรสนับสนุนมากขึ้นผลผลิตมอบกับเกษตรกร ชาวนา เกษตรกรแตกต่าง ๆ ไม่ก็ startup โปร่งกลุ่มคงจะมองผู้บริโภคสรรพสิ่งตนเองดำรงฐานะรัฐบาลหรือว่าองค์กรเพื่อที่จะสังคมอื่น ๆ ที่จะมาดำรงฐานะผู้ซื้อ B2B เพราะหมายมั่นแหวหมู่องค์กรกลุ่มนี้จะดำรงฐานะทายิกางานสนับสนุนการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ด้วยกันบริการแตกต่าง ๆ กับดักกลางเมืองณหนทางสิ่งของสวัสดิการสรรพสิ่งกลางเมืองแห่งมีสิทธิ์การเจือจานขนมจากภาครัฐหรือองค์กรไม่เสาะหากำไรแตกต่าง ๆ นั่นเอง ซึ่งสินค้ากับบริการประเภทตรงนี้สมรรถยกสถานภาพคุณภาพชีวิตสรรพสิ่งวงในต่างจังหวัด ไม่ก็บางครั้งก็อาจจะช่วยเหลือเขาทั้งหลายเก็บได้เงินเสียเงินด้วยซ้ำ เป็นต้นว่า ตลาดออนไลน์เพราะด้วยกสิกรที่สมรรถเสนอขายมอบกับดักลูกค้าได้โดยตรงอีกด้วยทุนที่ต่ำกว่างานจำหน่ายเปลี่ยนคนกลางปกติสาธารณะ หรือว่าเรือแพลตแบบฟอร์มที่มนุษย์อาณาเขตสามารถให้บริการทัวร์ไม่ก็งานสงวนที่อาศัยอยู่โดยตรงอายุมากนักทัศนาจรคว้า รวมถึงแพลตแบบฟอร์มเนื่องด้วยงานละวางเพื่อการกุศลแตกต่าง ๆ เช่นกัน เป็นต้น ทำไมถึง ‘ไม่ได้คุณประโยชน์’ เสียแต่ว่าถ้าฉันมองณอีกหัวมุมเอ็ด คุณประโยชน์ที่จะกระฉอกกับกลุ่มคนที่มีเงินรายได้บางตาอาจจะไม่ได้เป็นผลดียิ่งนักประการแห่งหนทุกคนคิด เพราะประกอบด้วยแค่เพียงรายได้แห่งหนอาจจะมากขึ้นในระดับเอ็ดแม้ว่าสุขทุกข์ในแง่อื่น ๆ คงไม่ได้ทุเลาเต็มแรงหลายเพราะยังคงปราศจากกำลังซื้อเต็มแรงครั้นหรือเปล่าสามารถที่จะเข้าถึงของซื้อของขายและบริการต่าง ๆ ได้มา ซึ่งแน่นอนดุบางท่านอาจจะโต้เเย้งดุณพอมีรายได้ก็เทียรจำต้องเป็นทรงอำนาจในการซื้อมากขึ้น มีเงินที่จะใช้จ่ายงอกงามหลังจากนั้นหามิได้ไม่ก็ แต่ว่าพื้นแผ่นดินของความจริงนั้นเป็นจริงหรือเปล่า? พิสูจน์หวนนึกกรณีที่ SE ตรงนั้นโฆษณาการประกาศแหวภัตออร์แกนิกหรือว่าพืชผักผลาหารออร์แกนิกต่าง ๆ นั้นมีค่าประกบอนามัยยิ่งกว่า มีคุณค่าทางสารอาหารมากกว่าผลิตผลโดยวิธีการธารณะแห่งรวมหมดสารอาหารต่ำกว่ากับปนดำรีคงอยู่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นโทษทาบสุขภาพอนามัย เสียแต่ว่าในเวลาเดียวกันข้าวออร์แกนิกที่ว่ากลับมาเป็นเงินเป็นทองมีราคากระทั่งข้าวปกติทั่วไปติดสอยห้อยตามท้องตลาดจดเช็ด่เท่าเทียมพอเปรียบณจำนวนเสมอกัน คำถามตกว่ารายได้ที่ว่าพอกพูนของมนุษย์กลุ่มชนรากตฤณชาติเหล่านี้มากขึ้นอำนาจซื้อได้มาจดสี่เท่ากันราวกับราคาสินค้าเหล่านี้หรือไม่ นี่จะกลายเป็นงานละคนอีกกลุ่มเอ็ดเก็บข้างหลังเช่นกันการ ‘ขวางกักคุม’ พวกเขาณงานเข้าถึงสารอาหารดีงาม ๆ กลุ่มนี้เช่นกันสนนราคาดอนพ้นกว่าจะซื้อได้ไหม (ดังนี้ไม่ถือเอาจับกลุ่มกสิกรผู้ปลูกสร้างที่คงสมรรถกินได้มาเองแห่งครัวเรือน กับในแหล่งหล้าความจริงกลุ่มผู้มีรายได้บางตาก็ย่อมไม่ได้มีเพียงแค่ณท้องที่กสิกรรม) นอกจากนั้นอีกกระทู้ถามต้นตอขึ้นคือว่า มีมนุชแห่งหนมีรายได้แปลนหาเช้ากินค่ำ ชักหน้าไม่ถึงหลังต้นสักกี่ทอผ้ามนุชแห่งหนได้มาใช้คืนเทคโนโลยีเพื่อมาไขปัญหา pain point แห่งเขาทั้งหลายมีแห่งชีวิตประจำวัน จักประกอบด้วยต้นสักเท่าไรกันที่สามารถทำได้ลงคอชนิดเหล่าผู้เป็นใหญ่ณงานใช้สอย ซึ่งมักดำรงฐานะกลุ่มเป้าหมายสิ่งของงาน startup กับ SE เป็นส่วนใหญ่ ในพอพวกเขาปราศจากกำลังกายทรัพย์จักจับจ่ายยิ่งนักเสมอ ทั่ว ๆ แห่งก็มี pain point เดียวกัน หรือกลุ่มคนเหล่านี้จักทำได้ลงคอเพียงแค่หารายได้ประทังชีวิตขนมจากระบบนิเวศน์สรรพสิ่ง startup และ SE เพียงนั้น แทนที่จะได้เสียผลดีอื่น ๆ แห่งหนเทคโนโลยีน่าแยกออก? จะอย่างไรก็ตามดีฉันทรงไว้ปฏิเสธไม่ได้ตวาด startup และ SE ตรงนั้นทำให้พื้นแผ่นดินอิฉันทุเลาแห่งภาพรวม ผู้คนอุดมมีคุณภาพชีวิตแห่งทุเลา ประกอบด้วยความคล่องสบายดีสมบูรณ์ หรือว่าคงจะมีความสุขจำเริญ รวมถึงความแท้จริงที่ว่าธุรกิจตรงนั้นอยู่ในสภาพบนรากฐานของการแสวงควานประโยชน์ ถ้าไม่มีแรงชักชวนกลุ่มนี้ พื้นโลกดีฉันก็คงไม่ได้เจริญลงมาจนเป็นประการแห่งหนอิฉันมองเห็นตอนนี้ก็ศักย สิ่งใหม่ต่าง ๆ คงจะน้อยลงกว่าที่เป็นอยู่ เสียแต่ว่าจดฉันนั้นความท้าทายเนื่องด้วยคนเหน้าถัดจากอาจจะมิใช่แค่เพียงงานคิดค้นและเจริญเทคโนโลยี ตลอดจนสร้างธุรกิจขึ้นไป แม้ว่าสำเร็จควานดวงเท่าเทียมปันออกกับดักพื้นแผ่นดินแห่งหนเทคโนโลยีสาวก้าวล้ำกันขึ้นไปทุกวี่ทุกวันและกระแสทุนนิยมที่ท่วมกระเป๋าแห้งล้นขึ้นเป็นประจำแยกออกพอเหมาะพอดีกับดักพื้นโลกแห่งหนควรจะเป็นเกี่ยวกับทั้งมวลมนุษยชาติทั้งหมด Saucy ThoughtsSEstartupStartupThailand
https://storage.googleapis.com/techsauce-prod/ugc/uploads/2020/1/20A5D257-71FC-422C-919D-E81EFFD71494.jpeg
https://storage.googleapis.com/techsauce-prod/ugc/uploads/2020/1/DE43C51B-03EE-48C0-9B21-0E1983B1A38A.jpeg