เพราะ รองศาสตราจารย์ อัจจิมา เศรษฐบุตร ผู้ช่วยกรรมการผู้ดูแลเทิ่งชราด้านกิจจานุกิจเข้าสังคมเพื่อการพัฒนาประการจิรัง (SVP – CSD) บมจ. เมืองใหญ่เทพดาดุสิตเวชการ หรือ BDMSBullying ไม่ก็ปัญหาการข่มเหงรังแกห้ามทางสังคมมากมายครรลอง ทั้งในชีวิตจริงและสังคมแห่งพื้นโลก online เป็นหนึ่งในข้อเสนอแนะที่ บมจ. กรุงเทวดาดุสิตแพทย์งาน หรือ BDMS เล็งเห็นผลกระทบกระเทือนดามความก้าวหน้ามุขด้านหัวคิด ความรู้สึก กับการครองชีพของกลางเมืองณระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพวกลูก เด็กวัยรุ่น และวัยทำงาน ซึ่งเป็นปัญหาประธานแห่งหนไม่ควรจะไม่นำพาและควรจะได้รับการเยียวยาชนิดทันท่วงทีข่าวสารจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงทั่วไปสุข ปริปากตวาด ณพรรษา 2562 ประเทศไทยมีอัตราลูกถูกข่มเหงรังแกแห่งโรงเรียน คิดดูดำรงฐานะชั้นที่ 2 ของพื้นแผ่นดิน ถัดจากจากประเทศญี่ปุ่น ถัวเฉลี่ยมีลูกถูกข่มเหงรังแกพรรษาละ 6 แสนคน ซึ่งสามารถเป็นผลให้ปัญหาโรคเศร้าหมองด้วยกันโจทย์อื่นตามมา เพราะว่า นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์ตระกูลรจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ในพรรษา 2561 มีหมู่ผู้เยาว์โทรเข้าขอความเห็นบริการสายด่วนสุขภาพจิต 1323 มากขึ้นดำเกิงขึ้นไป เพราะว่าคว้าให้บริการพิจารณาหารือมุขต่อโทรศัพท์เกี่ยวโจทย์สุขภาพจิตเจียรทั้งหมด 70,534 ครั้ง อีกทั้ง แหลมทองประกอบด้วยตำแหน่งการเสียชีวิตขนมจากอัตวินิบาตกรรม 345 ราย ประกบเดือน แบ่งวันเว้น 11-12 ราย ซึ่งนับว่าดำรงฐานะอัตราดอนยิ่งนัก ซึ่งณยุคปัจจุบัน การกลั่นแกล้งแห่งมีผลกระทบณระยะยาวบังเกิดได้ทุกหนทุกแห่งทุกเวลา เป็นพิเศษผู้กระทำลั่นแกล้งด้วยกันตบตีกักคุมอีกด้วยนิรุกติ ดังนี้ กงสี กรุงสุรารักษ์ดุสิตแพทย์การ ขีดคั่น (กลุ่มคน) จึ่งริเริ่มโครงการ “Shared Kindness – ภาษาสร้างสรรค์ สร้างสังคมน่าจะสิงสู่” เพื่อจะพัฒนาเข้าผู้เข้าคนอย่างจีรัง เพราะว่าก่อสร้างพลังอำนาจกระเพื่อมส่งต่อการรับทราบและความเปลี่ยนแปลงด้านสังคม ลดความเบียดเบียนกักคุมเปลี่ยนภาษา ซึ่งโครงการตรงนี้บังเกิดขนมจากงานทำกิจกรรมสมรู้ร่วมคิด ระหว่างเด็ก ๆ จากแหล่งเสื่อมโทรม ด้วยกัน BDMS ที่ประสงค์สร้างความเข้าใจรับทราบด้วยกันความรับผิดชอบแจกอายุมากคนในเข้าสังคมประเทศไทยไตร่ตรองนิรุกติสิ่งของตนเอง ก่อนที่จะได้ส่งต่อคำพูดเจียรตบตีจิตใจผู้อื่น และอนุเคราะห์แจกคนในสังคมแหลมทอง เลือกสรรที่จะแยกออกความสบาย ผ่านภาษาแห่งบริสุทธ์ซึ่งกันและกันทำแทนคำพูดแห่งหนไม่ผิดใช้คืนครอบครองอาวุธยุทธภัณฑ์ตบตีใจกักคุม“มากมายมนุชไม่ประจักษ์ดุ นิรุกติไม่ก็ความประพฤติสิ่งของตนเองณเหลือแหล่ ๆ ครั้ง เป็นการตบตีจิตใจผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจ ตามที่ยังขาดปัญญากับความเข้าใจเกี่ยว “Bullying” หรือ “การกลั่นแกล้ง” ยกตัวอย่างเช่น งานวิพากษ์วิจารณ์รูปลักษณ์ภายนอกสรรพสิ่งผู้อื่นจนชิน กระเป๋าแห้งเลอะเลือนตรึกตรองไปตวาดครอบครองสิ่งแห่งไม่น่าทำ ฉะนั้น อิฉันจึ่งจำต้องสร้างค่านิยมใหม่แจกคนวงในเข้าผู้เข้าคนรู้ตวาด ความประพฤติอย่างนี้มิใช่ชิ้นที่ไม่ผิดต้อง”Bullying ลงความว่าอย่างไร? งานข่มเหงรังแก แกล้งผู้อื่น หรือว่า Bullying หมายถึงความประพฤติการชดใช้นิรุกติเชิงลบทำร้ายอารมณ์ทางใจผู้อื่น หรือการปฏิบัติตนแรงกายทาบผู้แห่งหนอ่อนแอกระทั่งซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งความประพฤติความรุนแรงดังที่กล่าวมาแล้ว สามารถทำเอาผู้ถูกกระทำก่อเกิดความทุกข์ร้อน หรือก่อเกิดหัวใจเจ็บปวด เคร่งเครียด หวาดวิตก แห่งมีผลแจะฐานะอารมณ์ทางใจกับกายสรรพสิ่งคนฟังหรือว่าผู้ถูกกระทำ ด้วยกันสามารถก่อสร้างรอยแผลแห่งจิตใจด้วยกันก่อให้เกิดปัญหาปีกสุขภาพจิตของคนฟังเป็นระยะแถว รวมถึงก่อให้เกิดการโกรธเคืองแห่งสังคมแหลมทอง*ยิ่งไปกว่านี้ การข่มเหงรังแกกลั่นแกล้งห้ามแห่งเข้าสังคม ล้วนแล้วแต่ก่อเกิดจากความไม่สมดุลแห่งสิทธิสรรพสิ่งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ เช่น การกดขี่ข่มเหงผู้ที่ยิ่งหย่อนกว่าตัวเองในเข้าสังคม** ตัวอย่างเช่น งานประกอบด้วยความชื่นชอบด้วยกันที่ยอมรับมากกว่า การมีสรีระแห่งเสถียรมากกว่า ไม่ก็มีอายุยิ่งกว่าผู้ถูกกระทำ เพื่อที่จะข่มขวัญคุกคามแจกผู้แห่งยิ่งหย่อนกระทั่งรู้สึกไม่ปลอดภัย แยกออกตัวเองรู้ทุเลาด้วยกันลุ้นแยกออกตนเองประกอบด้วยที่ยืนในเข้าสังคม การรังแกกลั่นแกล้งนั้น สมรรถแบ่งคลอดได้มาติดตามรูปพรรณต่างๆ 3 ประเภท*** ดังนั้น1) งานกดขี่ข่มเหงมุขวาจา (Verbal Bullying) งานชดใช้นิรุกติตบตีจิตใจผู้ฟัง ดำรงฐานะพฤติกรรมแห่งคนวงในเข้าสังคมช่วงปัจจุบัน ได้ประสบผ่านพบพบยิ่งนักสุดโต่ง ด้วยเหตุที่เหตุที่ว่า ฉันจำต้องชดใช้คำพูดในการพูดจากับดักผู้อื่นในทุกๆ เวลากลางวัน แล้วจึงทำเอาฉันเปล่าสามารถทราบคว้าเกินตวาด นิรุกติแห่งหนดีฉันได้พูดไป จะส่งผลแจะประกบฐานะจิตใจผู้ฟังได้ยิ่งนักโกร๋งเกร๋งแค่ไหน แห่งเหลือแหล่ๆ ที ดีฉันคงจะเหม่อใช้คืนคำพูด แห่งหนเป็นการดุด่า ประมาทหน้า วิพากษ์วิจารณ์ แซว ผู้อื่นโดยที่ดีฉันคร่ำเคร่งและเปล่าคร่ำเคร่ง ครั้นทั้งหมดแห่งเข้าผู้เข้าคนเกิดความเคยชินประกบปัญหาตรงนี้ จึงทำเอาวงในเข้าผู้เข้าคนก่อกำเนิดความเพิกเฉย พ้นไปการระวังภาษาตนเอง เปล่าแจกแจะอารมณ์ทางใจผู้อื่น 2) การกดขี่ข่มเหงมุขร่างกาย (Physical Bullying) การใช้กำลังประทุษร้าย เป็นการจัดการที่สมรรถเปิดเผยแยกออกเห็นกระจ่างเต็มแรงตกขอบ ไม่ว่าจักสำเร็จ หยิก เข็น ทุบ ชกต่อย เตะ ข่มขวัญ หรือคร่าร่างกายและธนสารสมบัติผู้อื่น การปฏิบัติตนดังนี้ ล้วนแต่สำเร็จรังแกทางสรีระทั้งหมด ณมากมายๆ ทีแห่งหนดีฉันมองเห็นความร้ายแรงบังเกิดณเข้าผู้เข้าคนประเทศไทย จะประกอบด้วยต้นสักหูกครั้งแห่งดีฉันคว้าเข้าไปแจกความช่วยเหลือปันออกกับดักผู้ถูกกระทำเหล่านั้น แจกได้มาพ้นจากความเดือดร้อนใจขนมจากงานถูกทำอันตราย3) ผู้กระทำสนั่นแกล้งทำบนแหล่งหล้าออนไลน์ (Cyberbullying) การกดขี่ข่มเหงห้ามบนบานพื้นแผ่นดิน online ตกเป็นอันที่มีแน้วก้มแห่งเพิ่มพูนเรื่อย ๆ แห่งทุกวันนี้ เทคโนโลยีกลายเป็นปัจจัยสำคัญณชีวิตินทรีย์สิ่งของใครเหลือแหล่ ๆ มนุษย์ เป็นเหตุให้เข้าถึงข่าวสารที่ประสงค์คว้าหวานคอแร้งขึ้น ติดต่อสื่อสารได้หวานคอแร้งงอกงาม แม้ว่าในขณะเดียวกัน แม้เทคโนโลยีจะสร้างความคล่องแยกออกดีฉันยิ่งนักเพียงใด การใช้เทคโนโลยี ผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ อาทิ อาทิ เฟแนบุ๊ก ทวิตเตอร์ ไม่ก็อินสดวงเนตรคุณรมควัน กลับส่งผลชำรุด แห่งหนเป็นเหตุให้ทั้งหมดสมรรถเข้าถึงคำพูดด้วยกันแก่นสารที่แรงด้วยกันไม่เหมาะสมคว้าง่ายงอกงาม จนกลายเป็นความสามัญที่จะเอ่ยปากไม่ดีกับดักคนอื่นโดยแห่งอิฉันไม่มีความรู้ผุพังผิดดามการกระทำเหล่านี้ อีกทั่ว การกกึกก้องแกล้งบนบานแหล่งหล้า online เป็นการจัดการที่ทำได้หวานคอแร้ง เพียงแค่พิมพ์ด้วยกันกดส่งจรโดยไม่จำเป็นต้องไม่มิดชิดชื่อกับตัวสิ่งของการก เทคโนโลยีจึงครอบครองสาระสำคัญแห่งหนทำให้เกิดประเพณีนิยมผู้กระทำกึกก้องแกล้งบนแหล่งหล้าออนไลน์จำเริญแห่งทุกๆ ชันษา “การกกึกก้องเสแสร้งกักคุม ไม่ว่าจะแห่งชีวิตจริงหรือว่าแห่งพื้นโลก online ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาแห่งสร้างปมแห่งอารมณ์ทางใจปันออกผู้ถูกกระทำเป็นอย่างมาก อีกทั่ว อีกต่างหากเป็นปัญหาแห่งหนมีตำแหน่งงานก้าวหน้าดำเกิงขึ้นไปแห่งทุกๆ ปี แต่ว่าไม่ได้ประกอบด้วยวิธีจัดการไม่ก็แก้ไขแห่งหนชัดเจน โครงการ Shared Kindness ต้องการก่อสร้างความประจักษ์แจ้งรับรู้ในสังคมประเทศไทยแยกออกไม่น่ามองข้ามไม่ก็เฉยเมยดามปัญหานี้ แต่ว่าน่าจะลงมาร่วมกันร่วมแรงร่วมใจ ก่อสร้างเข้าสังคมแห่งหนน่าอยู่ เพียงแค่ส่งต่อนิรุกติที่ดีงามกันจังขึ้น”ไฉนการชดใช้นิรุกติตบตีผู้อื่น ถึงครอบครองอันแห่งฉันน่าให้ความสำคัญ?“ภาษาเป็นทั้งอาวุธยุทธภัณฑ์ด้วยกันดอกไม้” นิรุกติ สมรรถเป็นพลังทดแห่งหนก่อสร้างความสุข รอยยิ้ม และคุณประโยชน์แจกแก่คนฟัง เปรียบเทียบคว้ากับกุสุมาลย์แห่งมีชีวิตชีวาสวยหรูด้วยกันประกอบด้วยกลิ่นแห่งหอมขจรกระจายหวาน เสียแต่ว่าในทางกลับกัน คำพูดก็สมรรถก่อสร้างพลังข้างลบ เหมือนกับกับอาวุธยุทธภัณฑ์ที่สมรรถตบตีและก่อสร้างความเจ็บปวดปันออกอายุมากใครมากมายๆ มนุษย์ได้มาอีกด้วย อีกทั้ง ภาษานั้น เมื่อได้เอ่ยปากคลอดไปจากนั้น ไม่สามารถที่จะเรียกกลับคืนมาได้มา ถ้าว่า นิรุกติของอิฉันได้ออกลูกเจียรแตะต้องหรือก่อสร้างข้อปัญหาณอารมณ์ทางใจแจกใครหลังจากนั้น มิใช่เรื่องหวานคอแร้งที่จะทำให้เสียงสะท้อนเหล่านั้น หักออกจากใจสิ่งของคนฟังคว้า ฉะนั้น แล้วจึงเกิดเรื่องสำคัญแห่งทั้งหมดน่าจะตั้งอกตั้งใจ กับให้ความสำคัญกับดักคำพูดของตนเอง ตกลงณความแตกต่าง สร้างเข้าผู้เข้าคนน่าอยู่งานชดใช้คำพูดทุบตีจิตใจผู้อื่น จริงๆแล้ว ล้วนเกิดจากการเห็นแย้งแห่งความต่างกันทางสังคม เป็นต้นว่า การมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ผิดแผกแตกต่างขนมจากคนในเข้าสังคม เป็นต้นว่า ผู้ที่ความวิตถารทางร่างกาย ไม่ว่าจักเป็น ผู้แห่งหนเป็นโรคอ้วน หรือผู้เป็นอัมพาตในด้านต่างๆ ไม่ก็การประกอบด้วยเพศฐานะที่ผิดแผกแตกต่างขนมจากคนในเข้าสังคม เป็นต้นว่า เพศลำดับที่สามหรือว่าผู้ที่ออกรสการตั้งกฎเกณฑ์ทางเพศแห่งหนแตกต่างออกจร ไม่ก็แม้แต่ การประกอบด้วยสติปัญญาแห่งไม่สอดคล้องกับมนุชโดยมาก เป็นต้นว่า เจตคติแห่งบริบททางสังคมหรือการบ้านการเมืองเฉพาะบุคคล ดังนั้น ดีฉันจำเป็นต้องก่อสร้างค่านิยมใหม่แยกออกอายุมากคนในสังคม เพราะว่าเริ่มขนมจากการเปลี่ยนทัศน์ตวาด ความต่างกันมิใช่เนื้อความแห่งผิดแต่อย่างใด ถ้าฉันประกอบด้วยความเข้าใจด้วยกันเห็นด้วยในตัวผู้อื่น อิฉันจะสามารถก่อสร้างสังคมที่น่าอาศัยได้จอดการใช้คืนคำพูดแห่งหนรุนแรง ริเริ่มจากตัวเราจักเหนือชั้นกว่าไหม สมมติว่าดีฉันณฐานะพลเรือนในเข้าสังคม คว้าร่วมครอบครองส่วนหนึ่งณการสร้างการเปลี่ยนแปลงปันออกสังคมและที่โล่งแจ้งน่าอยู่ขึ้น ผ่านการส่งต่อภาษาแห่งหนบริสุทธ์ซึ่งกันและกัน ซึ่งคำพูดแห่งบริสุทธ์สามารถเริ่มแรกได้ ผิดีฉันทรงสติ คิดก่อนกำหนดพูด กับระลึกจิตใจของผู้รับตรวจฟังแจกจำเริญ อิฉันทุกคนสมรรถสร้าง์ ระเบียบนวชาตปันออกเข้าผู้เข้าคนคว้า ก่อสร้างภูมิคุ้มกันด้วยคำพูดคิดค้น จอดการรังแกแกล้ง หรือตบตีผู้อื่นผ่านคำพูด ด้วยกันรวมก่อสร้างเข้าสังคมเสถียรกับน่าอยู่ กับรับมือกับการถูฐานสนั่นแกล้งได้ชนิดมีสติShared Kindness แจกชิ้นงดงาม ๆ ปันออกอายุมากกักคุมณเข้าผู้เข้าคนประเทศไทยอิฉันสามารถก่อสร้างเข้าผู้เข้าคนแยกออกน่าอาศัยคว้า สมมติว่าอิฉันทั้งหมดร่วมกัน ส่งต่อความสุขปันออกแก่กันผ่านภาษาแห่งงดงาม เพราะว่าอิฉันหลงเชื่อแหว การปันออกสิ่งงดงาม ๆ และความรู้สึกบริสุทธ์ ๆ แยกออกกักคุม จักเป็นหลักโคนประธานแห่งสามารถทุกคนในเข้าผู้เข้าคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข BDMS ตาขอเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งการก่อสร้างแรงขับกรีธาแจกเข้าผู้เข้าคนประเทศไทยน่าอาศัย เปลี่ยนโครงการ “Shared Kindness – นิรุกติสร้างสรรค์ สร้างเข้าสังคมน่าจะสิงสู่” เพื่อรณรงค์แยกออกคนในเข้าสังคมแหลมทอง ส่งต่อนิรุกติที่ดีงามกับคิดค้นปันออกอายุมากกักคุม จอดความเบียดเบียนกักคุมด้วยภาษา ยินยอมพร้อมใจและงานพินอบพิเทาจดความต่างกันของกันและกัน เพียงนี้ อิฉันจะสมรรถสร้างสรรค์สังคมน่าอยู่ได้มาประการจิรังทำต่อไปที่มา* www.pobpad.com ** www.honestdocsมันสมองco *** www.yuvabadhanafoundation.org Exec InsightBDMSBullying
https://storage.googleapis.com/techsauce-prod/ugc/uploads/2020/3/Accenture_Technology_Vision_2020.png